สวัสดีครับเพื่อนวันนี้แอดมินจะมาคุยถึงกล่องแดงที่เป็นกระแสมาพอสมควรแล้ว ที่เขาบอกกันว่าใส่แล้วแรง นั่นก็คือ Cobra S5 Ultracapacitor กล่องที่ช่วยระบบไฟในรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่แอดมินได้เห็นการนำไปทดสอบมากมาย เช่น Over Ride นำไปทดสอบกับ YAMAHA R3 แล้วได้ความเร็วเพิ่มขึ้นร่วม 10% และคลิปรีวิวที่ทำให้ระบบไฟดีขึ้นเสถียรขึ้นในรถ Vespa
ซึ่งแน่นอนครับว่าแอดมินเองก็ได้สงสัยอยู่เหมือนกันว่า Cobra S5 Ultracapacitor ที่จะว่าไปแล้วก็น่าจะเป็นแค่คาปาซิเตอร์ทั่วๆไป จะไปมีผลอะไรกับรถได้ยังไง จะทำให้แรงขึ้นได้ยังไง แต่เมื่อลองกลับไปคิดถึงตอนที่แอดมินทำวงจรเครื่องเสียงทั้งในบ้านและเครื่องเสียงรถยนต์อยู่ หลังจากภาคจ่ายไฟการมีคาปาซิเตอร์กลับส่งผลดีกับเครื่องเสียงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเบสที่มาเป็นลูกๆและได้เบสที่หนักหน่วงขึ้น หรือทำให้สภาวะไฟโดยรวมของระบบดีขึ้น ซึ่งเมื่อมาคิดถึงรถมอเตอร์ไซค์การนำเอาคาปาซิเตอร์เข้ามาช่วยในระบบมันก็น่าจะทำให้ระบบมีความเสถียรขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นก็เลยมีความรู้สึกอยากลองเจ้า Cobra S5 Ultracapacitor สักหน่อยว่าจะเป็นยังไง ก็เลยจัดแจงเสาะหาร้านจำหน่าย Cobra S5 Ultracapacitor ซึ่งร้านประจำอย่าง 320SP ก็มีจำหน่ายในราคา 1,950 บาท ก็เลยจัดแจงสั่งมาเพื่อทดสอบครับ หากใครอยากได้มาใช้งานหรือทดสอบก็เข้าไปสั่งสินค้าได้ที่ www.320sp.com ได้ครับ ซึ่งแน่นอนว่ากับรถหัวฉีดก็เห็นมีคนนำไปทดสอบหลายคนแล้ว เพื่อนผมก็มีใช้งานหลายคนทั้งกับรถเล็กยันบิ๊กไบค์ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใส่แล้วพอใจ คุ้มค่า ก็เลยคิดว่าขอเอาทดสอบกับรถที่ผมใช้งานอยู่ทุกวันๆในตอนนี้ นั่นก็คือเจ้า GPX Legend 150s เป็นรถเครื่องยนต์ 150 ซีซี ระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ผมจับอาการของรถได้ดีทีเดียวและค่อนข้างจำอาการรถคันนี้ได้ดี ซึ่งหาก Cobra S5 Ultracapacitor ส่งผลได้ดีในรถหัวฉีดจริงก็น่าจะสามารถส่งผลได้ดีในรถคาร์บูเรเตอร์ได้ดีไม่มากก็น้อยเช่นกัน โดยจะว่าไปแล้ว Cobra S5 Ultracapacitor เป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ดูหนาพอสมควร หากจะติดตั้งรถควรมีพื้นที่ในการจัดเก็บด้วย เพราะมันใหญ่กว่าพวกกล่องไฟแต่งพอสมควร โดยตัวกล่องมีสายออกมา 2 สาย แดง กับ ดำ และมีหลอด LED สีแดงอยู่ 1 หลอด ซึ่งการต่อกล่องใช้งานก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรครับ แดงต่อไปยังขั้วบวก (+) ดำต่อไปยังขั้วลบ (-) จริงๆผมอยากแกะกล่องดูมากว่าข้างในมีความจุของคาปาซิเตอร์สักเท่าไหร่ เพราะเมื่อต่อเข้าระบบสักพักและลองถอดออกมา ลองเอาสายแดงและดำแตะๆกันเพื่อดูอาการสปาร์คของไฟที่แรงพอสมควรแถมทำได้เป็นสิบรอบไฟยังไม่หมดเลย เมื่อต่อสายเรียบร้อย สังเกตุการทำงานของ Cobra S5 Ultracapacitor ไฟ LED ข้างกล่องจะเป็นสีแดงแสดงการทำงาน นั่นแปลว่า Cobra S5 Ultracapacitor พร้อมทำงานแล้ว อยากจะแนะนำคนที่จะหากล่องแบบนี้มาใส่นะครับ พยายามหาที่เก็บให้ดีและที่สำคัญพยายามติดในที่น้ำไม่ถึงจะดีมากนะครับเพราะไม่รู้ว่ากล่องจะกันน้ำได้ระดับไหนนะครับ จากการนำรถออกไปทดสอบดูนะครับ ก็อย่างที่บอกว่ากับรถคันนี้ผมใช้ออกทริปและใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยมาก อาการรถเป็นอย่างไรนี่ถือว่าแยกแยะอาการได้พอสมควร ซึ่งหลังจากการใส่กล่อง Cobra S5 Ultracapacitor ไปแล้ว ต้องบอกตรงๆครับว่ารถไม่ได้แรงขึ้นเหมือนการเปลี่ยนกล่องไฟแต่งนะครับ ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องพวกนี้จากกล่องที่เป็นลักษณะของคาปาซิเตอร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมพอที่จะรับรู้ได้ในการเปลี่ยนไปของรถที่ขี่ก็คือ รอบเครื่องรถมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เปิดคันเร่งรอบดูนิ่งสมูทไหลลื่นขึ้น เวลาขับขี่ไล่รอบรถมีความรู้สึกว่ารอบรถมาได้ค่อนข้างที่จะดีขึ้นบ้างแบบพอรู้สึกได้ แต่ไม่ได้เยอะจนน่าตกใจนะครับ ความเร็วปลายสำหรับรถ GPX Legend 150s ไม่ได้แตกต่างจากเดิม อาจเนื่องจากเป็นรถระบบคาร์บูเรเตอร์อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในรถไม่ได้มากมายเท่ารถหัวฉีดถึงไม่ได้ส่งผลมากก็เป็นไปได้ ในส่วนที่เสริมประสิทธิภาพเรื่องของระบบไฟในรถก็คือไฟหน้ารถที่ปกติจะค่อนข้างกระพริบมากมีอาการที่ดีขึ้นกระพริบน้อยลง ซึ่งน่าจะส่งผลมาจากการคายประจุของคาปาซิเตอร์ที่รวดเร็ว จึงทำให้ระบบไฟดีขึ้นนั่นเอง ในส่วนอื่นผมยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก คงต้องขอใช้งานไปอีกสักระยะ เพื่อดูการใช้งานระยะยาวนะครับ หากใครคาดหวังจะใช้ Cobra S5 Ultracapacitor เพื่อคาดหวังความแรงแบบสะใจ อาจจะไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักของกล่องตัวนี้นะครับ แต่กล่องตัวนี้จริงๆคือไปเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าในรถของเราให้มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งเมื่อประสิทธิภาพของระบบไฟดีขึ้น จะส่งผลให้อุปกรณ์อื่นๆทำงานดีขึ้น เช่น กล่อง ECU , ระบบหัวฉีด และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มขึ้นหรือส่งผลต่อความเร็วความแร็งได้หรือไม่แค่ไหน ก็คงขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นด้วยครับ แต่ละรุ่นอาจจะส่งผลให้ดีขึ้นได้แตกต่างกันไป ซึ่งเพื่อนของผมหลายคนก็ใช้อยู่กับรถเล็กๆอย่าง Zoomer X หรือรถบิ๊กไบค์อย่าง DUCATI Hypermotard ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าสามารถช่วยลดอาการกระตุกๆในรอบปลายๆได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าตัวได้ใช้ Cobra S5 Ultracapacitor กับรถทุกคัน และทุกคันก็ส่งผลดีออกมาทุกคันแตกต่างกันไป ซึ่งคุณบอม Panuwat Sripuangchai ได้บอกกับผมว่ากับอุปกรณ์ในราคาแค่พันกว่าบาทแต่ให้ผลที่ดีขึ้นมาแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มมากแล้วในการใช้งานเจ้า Cobra S5 Ultracapacitor ครับ สำหรับผมแล้วคิดว่าราคา 1,950 บาทสำหรับ Cobra S5 Ultracapacitor ก็ถือว่าเป็นราคาที่รับได้นะครับ ซึ่งให้ผลดีขึ้นแค่นี้กับรถ 150 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ ถือว่าคุ้มแล้วครับ หากใครที่เป็นรถหัวฉีด หรือมีการปรับแต่งมาแล้ว ผมว่าหากระบบไฟฟ้าในรถเสถียรขึ้น ก็น่าจะส่งผลที่ดีขึ้นได้พอสมควรเลยครับ ซึ่งเมื่อผมเข้าไปดูสินค้าในแฟนเพจของทาง Cobra พบว่ามีหลายรุ่นมากๆ ทั้งใส่ในมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็เหมาะกับรถแต่ละแบบแต่ละขนาดแตกต่างกันไป ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ครับ แอดมินจับเอามาลองดูแล้วก็หายข้องใจสักที หากมีโอกาสได้เอาไปลองบนรถหัวฉีดจะเอามาเล่าให้ฟังอีกทีครับ ตอนนี้ขอเอาติดในรถคันนี้ไปก่อนครับ เพราะความรู้สึกของรถ GPX Legend 150s ขี่สนุกขึ้นมาพอสมควร ขอเสพกับความสนุกนี้สักพักนะครับ หากใครสนใจข้อมูลของ Cobra S5 Ultracapacitor สามารถเข้าไปดูได้ในแฟนเพจโดยตรงได้ที่ https://www.facebook.com/cobrabooster/ หรือหากใครกำลังหาซื้อลองเข้าไปดูที่ www.320sp.com ครับ ไว้คราวหน้ามีอะไรน่ารีวิวจะเอามารีวิวให้เพื่อนๆชมกันอีกนะครับ ขอบคุณรีวิวจาก http://www.vrthairider.com/2017/11/21/cobra-กล่องแดงที่เขาว่าแรง-จ/
1 Comment
รีวิวกระเป๋าเป้กันน้ำ ROCK BIKER คู่ใจนักเดินทาง กันน้ำ กันฝน ในราคาที่ใครก็เป็นเจ้าของได้11/20/2017 สวัสดีครับวันนี้แอดมินก็จะมารีวิวสินค้าอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ และคงจะเหมาะกับนักเดินทางที่ต้องเจอทั้ง ร้อน หนาว และที่สำคัญ ฝน อุปสรรคของนักเดินทางหลายๆคน เจอฝนทีไรข้าวของเครื่องใช้ในการเดินทางเปียกทีบอกได้เลยว่าโครตลำบาก แอดมินเคยต้องเดินทางในช่วงหน้าฝนเจอฝนตกทั้งวัน เสื้อผ้าที่พกไปในกระเป๋าเปียกหมด นอนพักที่ไหนทีต้องเอาออกมาผึ่งตากตลอด และแอดมินเป็นประเภทเดินทางไปต้องมีพวกกล้องและอุปกรร์อิเล็คทรอนิดส์มากมายโครตจะลำบากจริงๆ ซึ่งในวันนี้แอดมินเองขอมารีวิว กระเป๋าสะพายหลังของ ROCK BIKER ที่เขาบอกว่ากันน้ำ 100% มารีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันนะครับ มาดูกันที่ตัวกระเป๋ากันก่อนครับ สำหรับกระเป๋าเป้กันน้ำ ROCK BIKER แค่ชื่อนี่ก็เหมาะกับคนขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว เป็นกระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดความจุ 24 ลิตร ที่วัสดุเป็น ผ้า ผสมหนัง ไนล่อน โดยด้านนอกจะเห็นว่าเป็นผ้าที่ดูแล้วไม่น่าจะกันน้ำ แต่เมื่อเปิดดูข้างในกระเป๋าแล้วจะบุด้วยผ้าร่ม และเมื่อรูดซิบเพื่อดูด้านในของตัวผ้าเป็นหนังไนล่อน แบบนี้กันน้ำได้แน่นอน ด้านนอกจะไม่ได้มีช่องเก็บอะไรมาก มีแค่กระเป๋าด้านหน้าช่องเดียวเท่านั้น พร้อมด้วยซิบแบบกันน้ำ สำหรับด้านในเป็นผ้าร่มที่มีช่องใส่ของหลายช่อง ที่สำคัญมีช่องสำหรับใส่ Notebook ด้วย เมื่อผมได้ลองเอา Notebook มาลองใส่ดูปรากฏว่าจะสามารถเสียบกับ Notebook ขนาดหน้าจอช่วง 13 นิ้วได้พอดี แต่หากเป็นจอ 15 นิ้วเข้าไม่ได้ครับ ช่องเสียบ Notebook มีการบุพองน้ำที่ดูแล้วช่วยป้องกันได้แรงกระแทกได้พอสมควรครับ การปิดกระเป๋าจะเป็นการม้วนพับปากกระเป๋าแล้วนำตัวล๊อคมาล๊อคกับด้านข้าง ตามสไตล์กระเป๋ากันน้ำหลายๆยี่ห้อ สำหรับสายสะพายมีฟองน้ำที่ทำให้สะพายได้สะบายไม่ปวดและล้า โดยมีสายรัดตรงหน้าอก และตรงเอว เพื่อความแน่นหนาในการสะพายกระเป๋า การตัดเย็บภายนอกเท่าที่ดูแทบไม่ค่อยมีการเย็บมากนัก คงเพื่อป้องกันน้ำจะซึมเข้าไปภายในตัวกระเป๋าเป็นแน่แท้ ด้านหลังกระเป๋าก็บุด้วยฟองน้ำที่ทำให้นุ่มนวลหลัง และทำร่องเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี จะได้ไม่รู้สึกร้อนหลังมากเวลาสะพายเดินทางไกลๆ หรือเจอภาวะอากาศร้อนๆครับ ซึ่งจะว่าไปแล้วการออกแบบกระเป๋าเป้กันน้ำ ROCK BIKER นั้นก็ไม่ไห้ดูหวือหวาอะไรมาก แต่การออกแบบจะไปในทิศทางเรียบๆมากกว่า เพราะประโยชน์ที่เขาอยากมีไว้ให้ผู้ใช้จริงๆก็คือเรื่องของการกันน้ำเป็นหลักครับ และแล้วก็ได้เวลาทดสอบการกันน้ำของตัวกระเป๋านะครับ ผมขอทดสอบในแบบการโดนน้ำเหมือนเราขี่ลุยฝนแบบหนักๆนะครับ คงไม่ต้องเอาไปดำน้ำนะครับ เพราะคงจะเกินกำลังของตัวกระเป๋าไปครับ ผมได้เอาผ้าขนหนูยัดไว้ในกระเป๋า แล้วก็จัดแจงละเลง เทน้ำใส่กระเป๋าแบบไม่อั้น หากเจอฝนนี่คงเป็นพายุฝนที่หนักเอามากๆครับ ซึ่งเมื่อโดนน้ำแน่นอน ภายนอกเปียกครับ เพราะข้างนอกเป็นผ้าครับ ยังไงก็เปียกครับ ก็ไม่สนใจกระหน่ำเทน้ำลงไปเต็มที่ครับ เมื่อกระหน่ำสาดน้ำจนหนำใจแล้ว ก็จัดแจงเปิดกระเป๋าดูด้านใน ปรากฏว่าข้างในแห้งสนิทครับ ไม่มีอาการของน้ำโผล่เข้ามาให้เห็นเลย ซึ่งแปลว่าภายในโซนเก็บของในกระเป๋า ROCK BIKER ปลอดภัยจากน้ำจริงๆครับ จะมีเปียกก็แค่ช่วงปากกระเป๋าหน่อยๆเท่านั้นครับ ซึ่งหากเทียบกับการเอาไปลุยฝนแล้วถือว่าทำได้ผ่านแน่นอนครับสำหรับกระเป๋าเป้กันน้ำ ROCK BIKER ใบนี้ เป็นที่แน่นอนว่ากระเป๋าใบนี้ได้ใจผมจริงๆครับ ทุกทีไปไหนมาไหนจะใช้กระเป๋าหลังแข็ง ซึ่งเท่จริงกันกระแทกจริงยอมรับครับ แต่หากเจอฝนมานี่ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ซึ่งกระเป๋าเป้กันน้ำ ROCK BIKER น่าจะตอบโจทย์ของผู้ที่รักการเดินทางจริงๆครับ หรือแม้แต่คนที่เดินทางไปพร้อมกับอุปกรร์อิเล็คทรอนิกส์เช่น Notebook , กล้องถ่ายรูป ช่วยปกป้องจากการเปียกได้แน่นอน แถมราคาก็ไม่ได้แพงครับ เพราะราคาแค่ 1,900 บาท เท่านั้น ใครที่สนใจก็เลือกซื้อได้ตามร้านจำหน่ายกระเป๋า ROCK BIKER ทั่วประเทศครับ สำหรับแอดมินเองต้องขอขอบคุณทางร้าน 320SP ที่ส่งกระเป๋ามาถึงมือแอดมินอย่างรวดเร็วเพื่อรีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกันในครั้งนี้ครับ หากสนใจเข้าชมเลือกซื้อได้ที่ http://www.320sp.com ได้เลยครับ ไว้คราวหน้ามีสินค้าอะไรมารีวิวให้ชมกันอีกก็รอติดตามชมครับ ที่มา http://www.vrthairider.com/2017/11/19/รีวิวกระเป๋าเป้กันน้ำ-rock-biker/ รีวิวถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ราคาสบายกระเป๋าสวัสดีครับเพื่อนๆ VRthairider ทุกๆคนครับ ในวันนี้แอดมินจะมาแนะนำถุงมือที่เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรา ที่อากาศทั้งร้อน ทั้งอบอ้าว ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วแต่เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปไหนก็เจอแต่อากาศร้อน และแน่นอนเวลาเราขี่รถออกไปไหนหลายๆคนก็มักจะสวมใส่ถุงมือ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และป้องกันอากาศร้อน และแสงแดดที่จะเผามือคุณให้เกรียมไหม้ ซึ่งถุงมือสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์เองก็มีหลายแบบ หลายวัสดุ แล้วแต่ความชอบที่จะเลือกใช้กัน โดยในวันนี้แอดมินจะขอรีวิวถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves ซึ่งเป็นถุงมือที่ราคาไม่แรง หากเทียบกับวัสดุและการออกแบบที่ให้มานะครับ เรียกได้ว่าคุ้มทีเดียว เป็นถุงมือที่แอดมินว่าเหมาะกับเมืองไทยมากๆ กับอากาศร้อนๆ ไว้ขี่ท่องเที่ยว ออกทริป หรือใช้ในชีวิตประจำวันก็ดูดีครับ แอดมินได้เลือกเอาลายทหารมารีวิวนะครับเพราะชอบลายนี้เป็นการส่วนตัว โดยการออกแบบเป็นถุงมือข้อสั้น ที่ใช้วัสดุที่ดีตัดเย็บผสมผสาน ระหว่าง หนังแท้ กับ polyester และผ้าตาข่ายได้อย่างลงตัว ดูดีก็ตรงที่การนำผ้าตาข่ายมาอยู่ด้านบนสุดทำให้เวลามองเนื้อผ้าที่เป็นลายทหารดูมีมิติมากขึ้น VEMAR VE-175 Sport Gloves เสริมความแข็งแรง ด้วยการ์ดป้องกันที่หลังมือโดยเป็นวัสดุคาร์บอนสวยงาม และทุกนิ้วก็มีส่วนป้องกันที่เป็นคาร์บอนเช่นกันครับ ในส่วนของฝ่ามือเป็นวัสดุหนังและมีการ์ดที่ฝ่ามือเป็นวัสดุคาร์บอนเช่นกันทำให้มั่นใจได้เวลารถล้มตรงฝ่ามือมักจะได้รับความเสียหายเป็นอันดับแรก ซึ่งเมื่อมีการ์ดเป็นคาร์บอนก็ทำให้มั่นใจได้พอสมควรเลยครับ ที่ค่อนข้างชอบเลยสำหรับนักเดินทาง และคนที่ชอบใช้มือถือพวกสมาร์ทโฟน ปลายนิ้วชี้สามารถทรัชสกรีนสมาร์ทโฟนได้ เรียกได้ว่าหากต้องมีการใช้งานมือถือก็ไม่จำเป็นต้องถอดถุงมือออกก็ได้ครับ จากที่แอดมินลองทดสอบดูหากใช้ในการกดโทรศัพท์ก็ถือว่าทำได้ดีครับ แต่อย่าคาดหวังในการไปพิมพ์ข้อความต่างๆ เล่นเฟสบุ๊ค อาจจะหงุดหงิดเอาได้ครับ แต่หากจะพยายามขนาดนั้นก็ไม่ว่ากันครับ โดยที่รัดข้อแขนจะเป็นแบบตีนตุ๊กแกใช้งานได้สะดวกครับ จากการทดสอบสวมใส่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves ค่อนข้างกระชับ ขยับมือสบาย ด้วยวัสดุที่นุ่มไม่แข็งเหมือนถุงมือหนังบางรุ่น ในขณะขับขี่ ระบายอากาศได้ดีครับ ไม่ร้อนหรืออับชื้น เพราะตัวถุงมือมีรูระบายค่อนข้างเยอะ ซึ่งจากเคยใช้ถุงมือมาหลายยี่ห้อ หากมาอาการนี้ค่อนข้างมั่นใจได้ครับว่า มือเราจะไม่เหม็น และไม่ชุ่มไปด้วยเหงื่อครับ และความยาวของนิ้วมือถือว่าพอดีครับสำหรับแอดมินนะครับไม่เหลือเยอะหรือสั้นจนนิ้วชนปลายนิ้วของถุงมือ ซึ่งถือว่าขนาดทำได้พอดีกับไซส์ที่แอดมินเลือกใช้เลยครับ สำหรับถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves ที่เห็นมีขายกันอยู่จะมี 4 สีครับ คือ สีแดง , ลายทหารเขียว , ลายทหารฟ้า และสีดำครับ ซึ่งต้องบอกเลยว่าการออกแบบของถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves มันดูดีก็ตรงผ้าตาข่ายทำให้การมองสีของถุงมือดูมีมิตินี่แหล่ะครับ โดยสนนราคานั้นคุ้มค่าจริงๆครับ เพราะราคาแค่ 850 บาทเท่านั้น!! หากใครที่กำลังเล็งๆถุงมือที่ไม่ต้องเทพมาก กับการขับขี่ออกทริปชิวๆ ท่องเที่ยวชิวๆ ผมแนะนำเลยว่าถุงมือ VEMAR VE-175 Sport Gloves เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าซื้อมาใช้ครับ ต้องขอขอบคุณร้าน 320SP ครับที่ส่งถุงมือมาให้แอดมินมารีวิวการใช้งานครับ ให้เครดิตร้านเขาสักหน่อยสำหรับใครที่อยากสั่งมาใช้งานเข้าไปเลือกดูสินค้าได้เลยที่ www.320sp.com ครับผม ไว้คราวหน้ามีสินค้าอะไรน่าสนใจจะมารีวิวให้ชมกันอีกแน่นอนครับผม ที่มา http://www.vrthairider.com/2017/11/19/รีวิวถุงมือ-vemar-ve-175-sport-gloves-สวมใส่สบ/ หมวก… ใครคิดว่าไม่สำคัญ เวลาเราขับรถยนต์ เรายังมีเข็มขัดนิรภัยช่วยป้องกันการกระแทกในรถ แล้วถ้าเราขับรถจักรยานยนต์ล่ะ อะไรจะช่วยเราได้ ? จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากกรมการขนส่งทางบกพบว่า 80% เกิดจากความประมาท โดยรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ จักรยานยนต์ 86% เสียชีวิตเพราะไม่สวมหมวกกันน็อค
ถ้าไม่สวมหมวก จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หมวกกันน็อค สามารถป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่โดยอาศัยการดูดซับและถ่ายเทแรงกระแทกของวัสดุ วัสดุชั้นนอกหรือ “shell” ทำหน้าที่การป้องกันการเจาะกระแทกของวัสดุแหลมคมและป้องกันการเสียดสีอย่างแรง โดยดูดซับแรงกระแทกขั้นต้นที่เกิดจากอุบัติเหตุ ถ้าหากคุณไม่สวมในขณะขับขี่ ให้ลองนึกภาพตาม ศีรษะของคุณจะไม่ได้รับการปกป้องใดๆเลย พอกระแทกพื้นย่อมเกิดบาดแผลหรือแตก หรืออาจถูกรถลากยาวไปหลายร้อยเมตรก็เป็นได้ ส่วนประกอบของหมวกกันน็อค หมวกกันน็อคที่ทำจากพลาสติกขนาดเบาราคาที่ถูกกว่าหมวกกันน็อคที่ทำจากไฟเบอร์กลาสและ kevar แต่มีอายุการใช้งานสั้นกว่า บางครั้งมีการใส่สีลงไปในเนื้อพลาสติกหรือลวดลาย จึงต้องระวังหากอยู่ใกล้เปลวไฟหรือน้ำมัน ส่วนวัสดุชั้นในทำจากโฟมโพลิสไตรีนที่เรียกว่า “ EPS foam “ ย่อมาจาก expanded polystyrene foam หรือเรียกว่า “ftyrofoam” หนาประมาณ 1 นิ้ว ชั้นโฟมนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญของหมวกกันน็อค เนื่องจากโพลิสไตรีนมีสมบัติที่ไม่คืนตัวและมีการกระจายแรง เมื่อดูดซับแรงกระแทกจึงเกิดการยุบตัว ถ้าหากยิ่งดูดซับแรงกระแทกมากเท่าไหร่ การที่แรงจะส่งแรงไปถึงศีรษะผู้สวมใส่ย่อมลดน้อยลง นอกจากนี้ ชั้นภายในหมวกที่สัมผัสกับศีรษะอาจมีการบุผ้าหรือกำมะหยี่ไว้ภายในหมวกอีกชั้นหนึ่งเพื่อความนุ่มสบายยามสวมใส่อีกด้วย การเลือกหมวกกันน็อคก่อนใช้ การเลือกหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ มีมาตรฐานกำหนดในแต่ประเทศ สำหรับประเทศไทยได้กำหนดเป็นมาตรฐาน มอก. 369-2539 โดยมาตรฐานได้กำหนดลักษณะที่สำคัญของหมวกกันน็อคไว้หลายประการ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุต่อศีรษะของผู้สวมใส่เป็นสำคัญเช่น หมวกกันน็อคมาตรฐานต้องมีความแข็งแรง น้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม มีรูระบายอากาศ มีช่องฟังเสียง บังลมต้องเป็นวัตถุโปร่งใสและไม่มีสี หมวกกันน็อคที่ผลิตขึ้นมาจึงต้องมีการทดสอบตามมาตรฐานก่อนที่จะออกจำหน่าย ได้แก่ การทดสอบแรงกระแทกและความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก ความทนทานต่อการเจาะทะลุจากวัตถุมีคม ผู้สวมใส่หมวกกันน็อคควรพิจารณาถึงขนาดที่พอดีกับศีรษะและความกระชับของสายรัดใต้คาง ปัจจุบันมีการออกแบบหมวกกันน็อคอย่างหลากหลาย เช่น แบบครึ่งใบที่ปิดเฉพาะส่วนบนของศีรษะ แบบเต็มใบที่ปิดส่วนบน ท้ายทอย ขากรรไกร และแบบปิดเต็มหน้าไปถึงบริเวณคางของผู้สวมใส่หมวกกันน็อคบางรุ่นมีช่องเสียบหูฟังเข้ากับตัวหมวกเพื่อฟังวิทยุได้ หรือมีการเสริมด้านข้างของหมวกด้วยวงแหวนอลูมิเนียมเพื่อให้หมวกแข็งแรงขึ้นและลดแรงกระแทกด้านข้าง การสวมหมวกที่ถูกวิธี ความกระชับในการสวมใส่ และการมองเห็นขณะสวมใส่อย่างน้อยควรมีค่า 120 องศา เนื่องจากปกติค่ามุมมองการเห็นของตามนุษย์มีค่าระหว่าง 110-115 องศา ในต่างประเทศ หมวกกันน็อคจำเป็นต้องมีวัสดุสะท้อนแสงตามขนาดที่กำหนดติดไว้เพี่อความปลอดภัยในยามค่ำคืน วิธีการดูแลรักษาหมวกกันน็อค ห้ามแขวนหมวกกันน็อค ในขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และห้ามแขวนหมวกกันน็อคที่บนกระจกมองหลัง ห้ามนั่งบนหมวกกันน็อค หรือขว้างหมวกกันน็อค ไม่ควรนำส่วนรองรับแรงกระแทก เช่น ซับในไปตากแดดแรงๆ หรือวางใกล้ที่ที่มีความร้อนสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส หรือหลีกเลี่ยงการฉีดสเปรย์ย่าฆ่าแมลงใกล้หมวกกันกันน็อค การดูแลหมวกนิรภัยที่ไม่ดีจะมีส่วนทำลายเปลือกหมวก ส่วนรับแรงกระแทกที่สำคัญอาจมีคุณสมบัติในการปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุลดลงได้ หมวกกันน็อคมีวันหมดอายุจริงหรือ โดยทั่วไปหมวกกันน็อคจะมีอายุการใช้งานเต็มที่ 3 ปี เพราะหมวกกันน็อคใช้วัสดุในการผลิตคือพลาสติก ย่อมเกิดการเสื่อมสภาพ ยิ่งเกิดการกระแทกก็จะยิ่งเสื่อมสภาพ หากครบ 3 ปี ให้รีบเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการเสื่อมสภาพของพลาสติกและโฟมจนไม่สามารถทนรับแรงกระแทกแทนศีรษะเราได้ และหมวกที่เคยตกเคยกระแทกมาแล้วอายุการใช้งานก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน ที่มา https://daily.rabbit.co.th การวัดไซส์ ถุงมือ : ใช้สายวัด หรือเชือก วัดรอบฝามือ วัดหน่วยเป็นนิ้ว ปลายนิ้วไม่ชน เหลือพื้นที่ประมาณ 1 เซนติเมตร
การวัดไซส์ หมวกกันน็อค การวัดไซส์ หมวกกันน็อค : การสายวัด หรือ สายวัด วัดรอบศรีษะขึ้นมาเหนือคิ้ว 1 นิ้ว วัดเป็นหน่วย เซนติเมตร พอทราบจำนวนเซนติเมตร เทียบกับตารางเทียบไซส์ด้านล่างนี้ ****หมายเหตุ รุ่น HJC DECKEN ARAI SHOEI เป็นไซส์เล็กกว่าปกติ แจ้งขนาดศรีษะกับแอดมินได้เลยจ้า
|
Archives
November 2017
Categories |